ปิเก้, เซร์กี้, อัลบา, บุสเก็ตส์ กับความสำคัญของลูกหนัง บาร์ซ่า ในวันที่ยากลำบากสุดขีด
ภายใต้ปัญหาที่มากมายและหมักหมมมายาวนาน บาร์เซโลน่า จำเป็นต้องทำทุกทางเพื่อให้ตัวเลขในบัญชีกลับมาสมดุลโดยเร็วที่สุด
อะไรที่สิ้นเปลือง พวกเขาไม่มีทางเลือก ต้องระบายทิ้ง ไม่เว้นแม้แต่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ … แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอที่จะทำให้วิกฤติในระยะนี้ทุเลาลง
บาร์เซโลน่า เริ่มขาย ขาย ขาย แล้วก็ขายทุกคนที่พอจะขายได้ แต่สถานการณ์ยังไม่มีแนวโน้มจะพ้นวิกฤติ … ทันใดนั้น 4 กัปตันของพวกเขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และทำในสิ่งที่ฟุตบอลยุคทุนนิยมแทบไม่เคยเห็น
เคราร์ด ปิเก้, เซร์กี้ บุสเก็ตส์, จอร์ดี้ อัลบา และ เซร์กี้ โรแบร์โต้ กัปตันทีมหมายเลข 1-4 ของทีมพร้อมใจกันยอมลดค่าเหนื่อยลงเพื่อช่วยให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ และการรวมพลังของทั้ง 4 แข้งผลผลิตจาก ลา มาเซีย ก็ทำให้ บาร์เซโลน่า ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
นี่คือเรื่องราวของ “โรงเรียนแห่งความฝัน” ศูนย์ฝึกที่ไม่ได้สอนให้คุณเป็นแค่นักฟุตบอลที่ดี แต่สอนให้คุณเติบโตอย่างภาคภูมิใจในสิ่งที่สโมสรแห่งนี้เป็น
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ Main Stand
ความผูกพันระดับครอบครัว
องค์กรใดก็ตามที่บอกว่าอยู่ด้วยกันอย่างครอบครัว นั่นเป็นกับดักสำหรับพนักงานใหม่ … นี่คือสิ่งที่หลายคนคงเคยได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสมัครงานที่ไหนสักแห่ง สิ่งที่เราจะได้ยินเป็นประจำคือ “ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว” ซึ่งในความจริงแล้ว เราต่างรู้ดีว่าความผูกพันในที่ทำงานคือหนึ่งในความสัมพันธ์ที่เปราะบางมาก และบางครั้ง คำว่าครอบครัวก็ดู “โรแมนติก” เกินไป
เพราะนี่คือโลกทุนนิยม และมันคือธุรกิจ ไม่มีองค์กรใดอยู่ได้ด้วยสายสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อถึงเวลา พวกเขาก็จะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอ ถ้าต้องเลือกระหว่างองค์กรหรือพนักงานที่บอกว่าเป็นคนในครอบครัวไว้ พวกเขาจะเลือกใคร ? … ไม่ต้องเดาเลย พนักงาน คือฝ่ายที่ต้องเดินจากไปเพื่อรักษาภาพรวมอยู่แล้ว
เรายกตัวอย่างนี้มาเพื่อช่วยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสโมสร บาร์เซโลน่า หนึ่งในทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในรอบ 2 ทศวรรษหลัง
ในช่วงเวลาที่ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของโทรฟี่และผลประกอบการ อะไร ๆ ก็ดูดีไปเสียหมด มีนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกทั้ง 11 ตัวจริงลงสนาม ความผูกพันระหว่างนักเตะและสตาฟโค้ช แนวคิดและประเพณีที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่เด็ก เพาะบ่มกันมาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน จะเห็นว่าพวกเขาคือสโมสรที่น่าอิจฉาที่สุดทีมหนึ่ง
แต่อย่างที่เรารู้กันตอนนี้ บาร์เซโลน่า ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักและหนี้ล้นพ้นตัว สิ่งที่เราเคยเห็นมาในอดีตกลายเป็นภาพลวงตาในทันที สโมสรกับนักเตะแถลงข่าวซัดกันไปซัดกันมา ผู้บริหารจ้างองค์กร IO มาเพื่อโจมตีนักเตะตัวเองในโลกออนไลน์ แฟนบอลสาปแช่งซีอีโอ ทุกอย่างผสมปนเปมั่วไปหมด เมื่อโดมิโน่ตัวแรกเริ่มล้ม ทุกอย่างก็ดูจะพังพินาศ
เรื่องนี้แม้แต่ ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ก็ยังต้องรับบทเป็นผู้โบกมือลา ซึ่งเราจะเห็นได้ทันทีว่า คำว่าครอบครัวจะอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อองค์กรไม่มีปัญหาในแง่ผลประกอบการเท่านั้น
บาร์เซโลน่า ยอมตัดสายเลือดตัวเองเพื่อรักษาสโมสร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง สถานการณ์บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ยังมีอีกแง่มุมที่สะท้อนให้เห็นว่า ความผูกพันในองค์กรก็ไม่ได้ไร้ค่าและเป็นสิ่งลวงโลกแต่เพียงอย่างเดียว แฟนบอลทั่วโลกวิจารณ์สโมสรหนักมากที่ทำกับไอคอนตลอดกาลเช่นนี้
แม้ บาร์เซโลน่า จะปล่อย เมสซี่ ออกไป แต่พวกเขาก็ยังมีปัญหาทางการเงินอยู่ บัญชีค่าเหนื่อยยังเกินเพดานที่ ลา ลีกา กำหนด นั่นทำให้นักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ และคนอื่น ๆ ไม่สามารถลงทะเบียนสำหรับลงเล่นในเกมลีกได้ … พวกเขาไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร และเกือบจะต้องทำใจเลี้ยงอเกวโร่ต่อไปด้วยค่าเหนื่อยแสนแพงโดยที่ใช้งานไม่ได้ แต่สุดท้ายสายสัมพันธ์ที่พวกเขาภาคภูมิใจก็ช่วยให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ ข่าวกีฬาวันนี้
เรื่องราวการขาดทุนของ บาร์ซ่า เป็นเหมือนคลื่นใต้น้ำมาพักใหญ่แล้ว และเริ่มปะทุขึ้นเอาเมื่อถึงวันที่ COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก หลายสโมสรขาดรายรับแบบฉุกเฉินโดยไม่ได้เตรียมตัว
ทีมไหนที่วางแผนระบบการเงินดี มีค่าเหนื่อยนักเตะน้อย มีรายจ่ายน้อยกว่ารายรับ ก็อาจจะไม่ได้เจ็บตัวจนต้องดิ้นอะไรมาก แต่ บาร์เซโลน่า คือทีมที่จ่ายค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ เมสซี่ ยังอยู่กับทีม เขารับค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์ระดับล้านยูโรก่อนหักภาษี ทำให้ บาร์เซโลน่า มีหนี้สิ้นเพิ่มขึ้นอีกกว่า 500 ล้านยูโร
สิ่งที่สโมสรพอจะทำได้ในเวลานั้น คือการตัดรายจ่ายของนักเตะในทีมที่แต่ละคนรับแพงมาก ๆ ต่อให้ไม่ใช่ระดับ เมสซี่ แต่ก็ยังมีนักเตะอีก 8 คนที่รับค่าเหนื่อยมากกว่า 200,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และนอกจากกลุ่มนักเตะดาวรุ่งที่เพิ่งถูกดันขึ้นมา 1-2 ปี ไม่มีนักเตะของ บาร์เซโลน่า คนไหนเลยที่มีค่าเหนื่อยต่ำกว่า 150,000 ยูโรต่อสัปดาห์
ตัวเลขทั้งหมดนี้ ทำให้บอร์ดบริหารพยายามหาทางออกด้วยการเรียกนักเตะเข้ามาคุยเพื่อลดค่าเหนื่อยในปีที่จะถึงนี้ ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธ มันเหมือนกับอ้อยเข้าปากช้างที่เข้าไปแล้วดึงออกมายาก นักเตะที่ทีมไม่ได้ใช้งานก็ไม่ยอมยกเลิกสัญญาและไม่ยอมย้ายไปทีมใหม่ง่าย ๆ ทั้ง ซามูเอล อุมติตี้ และ อองตวน กรีซมันน์ เป็นต้น
ประการแรก เราต้องเข้าใจว่านักเตะเหล่านี้ไม่ได้ผิดอะไร พวกเขาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองควรได้รับ และสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ชัดเจนว่าสโมสรต้องทำตาม เพียงแต่ว่าตอนนี้สโมสรวิกฤติจริง ๆ หากไม่มีใครสักคนยอมถอย หายนะอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ